สวัสดีค่าทุกคน วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงวิตามินอี นั่นเองค่าาาาา
ซึ่งประโยชน์ของวิตามินอีเนี่ย เราคงเคยเรียนกันมาตอนเด็กๆแล้วละ
แต่ในทางความงามเนี่ย วิตามินอีก็เป็นอีกตัวนึงที่ถูกหยิบมาพูดถึง หรือมาใช้กันอย่างเยอะมาก
เจ้าตัว Vitamin E เนี่ยหลักๆเลยเค้าช่วยเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดแผลเป็น เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของเรา ที่สำคัญที่เราใช้กันเนี่ย คือช่วยลดจุดด่างดำ หรือรอยสิวต่างๆ
อย่างวันนี้นุ๊กก็มีครีม Vitamin E มาแนะนำเพื่อนๆกันค่ะ แต่แบรนด์ที่เราเอามาในวันนี้
แน่นอนว่าไม่ไก่กาอาราเร่แน่นอน ก็คือ Vitamin E ของ Blackmores นั่นเอง มีถึง 4 ตัวเลยนะแต่วันนี้เราเลือกสองตัวนี้มาแนะนำเพราะเข้ากับผิวของนุ๊ก ก็คือน้องสองคนนี้นั่นเอง
Blackmores Natural Vitamin E Cream Lanolin และ Blackmores Natural Vitamin E Cream Skin Bright
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า ทั้งสองตัวนี้ มาในรูปแบบ และการใช้งานที่ต่างกันค่ะ แต่ทั้งสองตัวมี Vitamin E เข้มข้นผสมอยู่ นอกจากมี Vitamin E แล้วยังมี น้ำมันสกัดจาก
ผลอโวคาโด และเมล็ดแอพลิคอท ช่วยปลอบประโลมและโอบอุ้มผิวของเราให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
แต่! ทั้งสองตัวนี้ ไม่ได้ทาได้เฉพาะหน้านะคะ คือเค้าสามารถทาได้ทั้งตัวเลย โอโห คุ้ม!
มาคุยกันทีละตัวดีกว่าเนอะ เพื่อไม่ให้ทุกคนเกิดความสับสน
ตัวแรกเลยคือ Blackmores Natural Vitamin E Cream Lanolin
ตัวนี้เค้าจะมาในรูปแบบของหลอดค่ะ ตัวนี้จะเน้นการปลอบประโลมผิว มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวแบบเยอะมาก ถ้าหน้าแห้ง กร้านแนะนำน้องหลอดนี้เลยค่ะ มีวิตามินอีบริสุทธิ์จากธรรมชาติและลาโนลินด้วย
ตัวนี้นุ๊กชอบเนื้อของเค้ามาเพราะว่าเข้มข้นมากๆ ในจุดที่แห้งๆ ทาตัวนี้ตัวเดียวคืออยู่เลย
เนื้อครีมเข้มข้นมากพอสมควร บีบครีมเพียงนิดเดียวก็ทั่วถึงแล้ว นอกจากนั้นเนี่ย ตัวนี้เหมาะมากๆสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย เพราะว่าเค้าปราศจากสี น้ำหอม และสารพาราเบน
หลังจากการลองใช้ ตัวนี้ช่วยเราได้ดีเรื่องของความชุ่มชื้นเลยค่ะ
ทาแล้วผิวนุ่มขึ้นด้วยเป็นแบบหลอด พกพาง่าย ใช้งานง่ายแล้วก็สะอาดค่ะ
ส่วนน้องอีกตัวนึงคือ Blackmores Natural Vitamin E Cream Skin Bright
ตัวนี้เค้าจะเน้นกันคนละอย่างค่ะ เป็นการเน้นผิวชุ่มชื้นและแลดูกระจ่างใส
ทำให้ผิวนุ่ม และใสไปพร้อมๆกัน มีสารสกัดรากชะเอมเทศและสาหร่ายวากาเมะด้วย
อย่างตัวนี้ถ้าเราไปเจอแดดแรงๆมา รู้สึกผิวคล้ำเสีย แนะนำให้ใช้ตัวนี้เลย
เพราะฟื้นฟูผิวให้ดูดีขึ้นได้แบบเร็วมากๆ แต่ตัวนี้จากที่ลอง เนื้อครีมเค้าจะค่อนข้างข้นกว่า
ตัวแบบหลอดมาก ไม่แนะนำให้กดเยอะเลยเพราะมันข้นมากจริงๆ
ลองมาดูเนื้อของทั้ง 2 ตัวนี้ชัดๆกันดีกว่าค่า
ทาได้ทั้งตัวและหน้าเหมือนเดิมค่ะ หรือถ้าใครมีพวกรอยแผล หรือรอยสิว ตัวนี้ก็จะช่วยได้ค่อนข้างมากกว่าตัว Blackmores Natural Vitamin E Cream Lanolin
อันนี้ก็ต้องเลือกใช้ให้เข้ากับสภาพผิวของเราว่า เอ.. ผิวเราเน้นเรื่องไหน
เรื่องชุ่มชื้น หรือเรื่องรอยต่างๆ มากกว่า
ขอย้ำอีกทีว่าทั้งสองตัว Blackmores Natural Vitamin E Cream Lanolin และ Blackmores Natural Vitamin E Cream Skin Bright มี Vitamin E เข้มข้น และคนผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้เลย ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยหลอดฟ้าสามร้อยกว่าบาทเอง ถือว่าเป็นครีมสามัญประจำบ้านที่เราควรจะมีอีกตัวเลยค่ะ ไปลองดูกันนะ